ส่วนตัว ผมตั้งตามระยะที่เราต้องการยิงครับ
+ แข่งขัน ก็ตั้งตามระยะที่เราแข่ง 10, 15 หรือ 25 ม.(แต่ผมไม่ได้เป็นนักกีฬา)
+ ป้องกันตัว โม่ .38 ผมตั้งศูนย์ 10-15 ม.
ยิงที่25ม. กลุ่มจะลอยสูงขึ้นนิดประมาณ1นิ้ว ยิงกระป๋องเล็งนั่งแท่นได้ ซึ่งก็เล็งง่ายดีเห็นชัด
+ ป้องกันตัว โม่ .357 ผมตั้งศูนย์ 10-15 ม. / โม่ลำกล้องสั้น ผมตั้ง 7-10 ม.
ยิงที่25ม. กลุ่มจะลอยสูงขึ้นนิดเดียว (น้อยกว่า .38)
+ โม่.44 ผมตั้งที่ 15 ม.
Ballistic(ความโค้งของกระสุนเหมือนลูกขนไก่) จะตกลงมาจุดเล็งเดิมที่ 50ม. พอดี
ยิงไกล ๆ ด้วยโม่ 44 สนุกสนานท้าทายไม่น้อยครับ
แต่ที่ 25ม จะกินสูงจากจุดเล็ง ประมาณ 0.8-1นิ้ว แล้วแต่น้ำหนักหัวกระสุนครับ
ซึ่งเราต้องทดสอบในการยิงจริงของกระสุนแต่ละยี่ห้อ
ที่เล่ามาทั้งหมด มันมีส่วนอื่นที่สำคัญ และไม่ควรมองข้าม คือ “กระสุน” ครับ
กระสุนแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ แต่ละล๊อตการผลิต มีน้ำหนัก ดินขับ แตกต่างกัน
ทำให้ตำแหน่งที่โดนเป้าแตกต่างกัน สูงบ้าง ต่ำบ้าง ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง
กลุ่มกว้าง กลุ่มแคบ แม่นไม่เท่ากันด้วย
ผมเคยพลาดเอาปืนต่อสู้ ไปตั้งศูนย์เข้ากับลูกซ้อมยี่ห้อA ตอนนั้นกินซ้ายออกมาเป็นคืบ
เลขตั้งศูนย์ให้เข้ากับกระสุนซ้อมกล่องนั้น
พอมายิงกระสุนจริงยี่ห้อB ที่เราใช้ติดปืน มันกลายเป็นว่าไอ้จุดเล็งเดิมมันถูกต้องแล้ว
ต้องมาตั้งศูนย์ใหม่ให้เข้ากับกระสุนจริงอีกครั้งครับ
แต่ถ้าปืนกระบอกนั้นเราเอาไว้ยิงเล่นในสนาม เอาไว้แข่งขัน ไม่คิดเอามาเป็นปืนต่อสู้
เราก็ตั้งตามกระสุนซ้อม ยี่ห้อที่เราใช้ประจำได้เลยครับ
นั่นคือเหตุที่นักกีฬา เขาจะเหมากระสุนเก็บไว้เป็นลัง ๆ ถ้าเขาเจอกระสุนที่ใช่กับปืนเขา
เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องตั้งศูนย์บ่อย ๆ ครับ
สรุป ตั้งศูนย์ตามระยะที่ต้องการยิง ด้วยกระสุนที่เราใช้ติดปืน ครับ