กฎหมายใช้คำว่าดุลพินิจ ทั้งที่ เงื่อนไขตามกฎหมายกำหนดว่าต้องมีคุณสมบัติอะไรเอาไว้ซึ่งก็ควรเป็นเช่นนั้น ถ้าครบก็ควรอนุญาต ตามขนาด ชนิดและจำนวนที่ต้องการ
แต่มีการคำสั่งภายในเอง ว่าต้อง มีเอกสารเท่านี้ หลักทรัพย์เท่านี้ นั่นนี่ ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่เอาไปพ่วงกับคำว่า ดุลพินิจ ซึ่งกว้างขวางมาก
จะนายเก่า นายใหม่ ก็ควรใช้หลักเกณฑ์เดียวกันหรือไม่? ถ้ามีคุณสมบัติครบถ้วนก็ควรอนุญาตใช่หรือไม่? และระยะเวลาพิจารณาก็ควรกำหนดไว้ชัดเจน เช่น ไม่เกิน 1-2 เดือน เป็นต้น
หากต้องการเก็บค่าธรรมเนียม เช่น 2000 บาท/ใบ ภาษีท้องถิ่น 500 บาท/ใบ ภาษีเพื่อมหาดไทย 500 บาท/ใบ ก็ออกประกาศมาตรงๆเลย ว่าเก็บภาษีเข้ารัฐ อย่าไปทำให้มันคลุมเครือ สุดท้ายแม้จะมีการก่อเหตุจากใบอนุญาตที่ นายทะเบียนออกให้ ท่านก็ไม่ต้องรับผิดอะไร เพราะท่านทำตามเงื่อนไขกฎหมายแล้ว การก่อเหตุของผู้ที่ได้รับอนุญาตครอบครอง เป็นเรื่องที่นอกเหนือไปจากความควบคุมของท่านตามหน้าที่แล้วไม่ใช่ความรับผิดชอบของท่านที่ต้องไปรับรองพฤติกรรมบุคคลนั้นแต่อย่างใด อาชญากรมันก็คงไม่เสนอหน้าไปขอหรอก
ลำพังตอนมายื่นพิมพ์ลายนิ้วมือ ตรวจประวัติอาชญากรรม อายุ ก็เพียงพอแล้ว หลักทรัพย์ ชาวบ้าน แต่ต้องคุ้มครองทรัพย์สิน เช่น ข้าวสารที่ตากกองไว้ วัว ควาย ตัวละ หลายหมื่น หรือ หลักแสน ก็ควรอนุญาต บ้านอยู่ไกลจากป้อมตำรวจ สายตรวจ ยิ่งต้องอนุญาต